“ผัก” หลายคนคงคิดว่ากินแล้วต้องมีประโยชน์แก่ร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่า ผักบางชนิดก็ไม่ควรกินดิบ ควรนำไปปรุงให้สุกก่อนรับประทาน เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้ร่างกายได้รับโทษมากกว่าเป็นแน่ จะมีผักอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
มันฝรั่ง
มันฝรั่งเป็นพืชที่ไม่ควรกินดิบโดยเด็ดขาด ก่อนกินต้องผ่านความร้อนก่อน เนื่องจากในมันฝรั่งดิบจะมีสาร “โซลานีน” สารพิษไกลโคแอลคาลอยด์ เป็นสารที่พืชสร้างมาเพื่อปกป้องตัวเองจากแมลงศัตรูพืช หากคนกินเข้าไปในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น ใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
2. กะหล่ำปลี
เนื่องจากในกะหล่ำปลีดิบ มีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน (Goitrogen) เป็นสารที่จะไปขัดขวางไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีน ถ้ากินกะหล่ำปลีดิบในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดโรคคอหอยพอก อีกทั้งยังทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นไทรอยด์ไม่ควรกินกะหล่ำปลีดิบอย่างเด็ดขาด แต่ทว่าสารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ด้วยความร้อนจากการต้ม ดังนั้น กินกะหล่ำปลีสุกจึงดีกว่า
3. ผักโขม
เพราะกรดในผักโขมจะขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม และธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถดูดซับแคลเซียมและธาตุเหล็กได้ เนื่องจากในผักโขมมีกรดออกซาลิก (Oxalic Acid) ที่สามารถไปยับยั้งหรือขัดขวางการนำแคลเซียมและธาตุเหล็กไปใช้ในร่างกาย ทางที่ดีกินผักโขมสุกจะดีกว่า เพราะผักโขมสุกจะช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย
4. ถั่วฝักยาว
ถั่วฝักยาวดิบมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างสูง ทำให้ท้องอืด ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาการย่อย และกลุ่มผู้สูงอายุ โดยก่อนกินต้องล้างให้สะอาด และนำไปทำให้สุกจะปลอดภัยต่อร่างกายมากกว่า
5. ถั่วงอก
ในถั่วงอกดิบมีแบคทีเรียอันตรายหลายชนิด เช่น E. coli, Salmonella, Listeria ฯลฯ อีกทั้งยังมีไฟเตทสูง โดยไฟเตทจะเข้าไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุได้ นอกจากนั้นยังเสี่ยงต่อการได้รับโทษจากสารโซเดียมซัลไฟต์ หรือ สารฟอกขาว ดังนั้น ควรทำให้สุกก่อนกิน สารเหล่านี้จะสลายและถูกทำลายได้ เมื่อมีการนำไปปรุงสุกแล้วเท่านั้น
6. หน่อไม้
หน่อไม้ดิบมีสารที่จะเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายได้ ก่อนกินจึงควรต้มในน้ำเดือดนานเกิน 10 นาทีก่อน จึงจะปลอดภัยที่สุด
7. ดอกกะหล่ำ
เป็นพืชชนิดหัวอีกหนึ่งชนิดที่ควรนำมาปรุงสุกก่อนรับประทาน เพราะดอกกะหล่ำยังคงมีน้ำตาลเดียวกับกะหล่ำปลี ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ส่งผลทำให้เกิดอาการท้องอืด และรู้สึกแน่นท้อง
8. บร็อกโคลี
บร็อกโคลีมีสารกอยโตรเจนเหมือนกะหล่ำปลีหรือดอกกะหล่ำด้วยเช่นกัน ซึ่งสารชนิดนี้จะคอยยับยั้งไม่ให้ร่างกายสามารถใช้ไอโอดีนได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญน้ำตาลในบร็อกโคลีจำเป็นต้องผ่านความร้อน ดังนั้นจึงควรทานที่ผ่านการปรุงสุกเสียก่อน เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง รวมทั้งมีแก๊สในท้องอีกด้วย
การรับประทานผักเหล่านี้ที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้รับประโยชน์ เราควรนำมาปรุงสุกเสียก่อน เพื่อที่จะสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย ได้ประโยชน์อย่างครบครัน โดยที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย
-------------------------------